วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ น้ำพริกแมงดา
       
45.น้ำพริกแมงดา
      มาทำความรู้จักกับสัตว์ที่มีชื่อว่า ” แมงดา ”  แมงดาที่คนนิยมนำมาทำอาหาร คือ แมงดานา เป็นสัตว์ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ช่วยเพิ่มกลิ่นในอาหาร แมงดา มีลักษณะเรียว รี เหมือนไข่ ซึ่ง แมงดานา  มีขนาดความยาวไม่เกิน 5 เซ็นติเมตร มีสีน้ำตาล มี 6 ขา ซึ่ง อาหารของแมงดานา คือ สัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ลูกอ๊อด ลูกปลา เป็นต้น ซึ่ง ประโยชน์ของแมงดานา คือ ประโยชน์ทางอาหาร และ เป็นสัตว์ที่อยู่นระบบนิเวศช่วยให้เกิดความสมดุลในระบบธรรมชาติ  
สูตรน้ำพริกแมงดามีส่วนผสมไม่ยุ่งยาก หากสงสัยว่า น้ำพริกสูตรแมงดาทำอย่างไร เราได้เอาสูตร ส่วนผสมและวิธีทำมาให้อย่างละเอียด อาหารเมนูน้ำพริก ทำให้คิดถึงบ้าน แมงดาทำอะไรกินได้บ้าง น้ำพริกจากแมงดา อาหารพื้นบ้าน เมนูน้ำพริก สำหรับวันนี้ น้ำพริกแมงดา เคล็ดลับการทำน้ำพริกง่ายๆ วิธีทำน้ำพริกแมงดา อาหารไทย กลิ่นหอม รสชาติจัดจ้าน ไขมันน้อย อาหารลดความอ้วน สำหรับคนรักสุขภาพ

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกแมงดา
  • กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
  • แมงดานา 1 ตัว
  • กระเทียม 1 หัว
  • พริกสด 10 เม็ด
  • มะอึก 1 ผล
  • น้ำปลา
  • น้ำมะนาว
  • น้ำตาลปี๊บ
  • ผักสด
วิธีทำน้ำพริกแมงดา
  1. นำมะอึกมาขูดผิวและล้างน้ำให้สะอาห
  2. นำกะปิ ห่อใบตอง ปิ้งให้สุก พร้อมกับปิ้ง พริก กระเทียม และ แมงดานา ให้สุก
  3. โขรก กะปิ พริก กระเทียม แมงดานา และ มะอึก ให้ละเอียด
  4. จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว ตามใจชอบ ทานกับ ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักกาดขาว เป็นต้น

 

44.ซุปดอกผักติ้ว

ส่วนผสม/เครื่องปรุง
  •   ผักติ้ว/ดอกผักติ้ว
  •   พริกป่น
  •   ข้าวคั่ว
  •   ต้นหอม
  •   ปลาทู
  •   น้ำปลาร้า
วิธีการทำ
1. นำผักติ้วมาลวกน้ำร้อนหมาดๆ (ให้เข้าขั้นสุก)จากนั้นยกออกจากเตา แล้วต้มปลาทูใส่ปลาร้านิดๆ ปลาทูสุกแล้วยกออกเหมือนกัน
2. จากนั้นเอาผักติ้วมาตำให้ละเอียดพอประมาณ จากนั้นใส่พริกป่นและใส่ข้าวคั่ว จากนั้นตำไปเลยค่ะ ตำจนเข้ากัน ใส่ปลาทู ต้นหอม ใส่น้ำต้มปลาทูลงไป
3. ใส่เครื่องปรุง น้ำปลา ผงชูรส ชิมรสตามชอบ หอมปลาร้านิดๆ ส้มนิดๆคือผักติ้ว หอมกรุ่นกลิ่นปลาทู
ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-377-1-4.html
43.ซุปเห็ดกระด้าง
ซุปเห็ดกระด้าง  สวัสดีพี่น้องชาวอีสานบ้านเฮาทุกคนครับ มื้อนี้ผมกะจะมาเสนอ เมนู อาหารอีสานบ้านเฮา ถือว่าเป็น “ของแซบอีสาน” อีกเมนูหนึ่งเลยกะว่าได้  นั้นกะคือ "ซุปเห็ดกระด้างหรือซุปเห็ดบด" นั่นเองครับ เว้าแล้วกะมาลงมื้อทำกันเลยครับ

วัตถุดิบ:
1.เห็ดบดหรือเห็ดกระด้าง
2.ถั่วปีหรือถั่วฝักยาว
3.ถั่วพลู
4.มะเขือเปราะ
5.ต้นหอมซอย
6.ผักแพวซอย
7.สะระแหน่เด็ดใบซอย
8.หอมเปหรือผักชีฝรั่ง
9.งาขางคั่ว
10.พริกสด
11.หอมแดง
12.กระเทียม
13.ปลาช่อนขอดเกล็ดหรือปลาชนิดอื่นที่หาได้
เครื่องปรุงรส
1.น้ำปลาร้า
2.น้ำปลา
3.พริกป่น
4.ข้าวคั่ว
วิธีทำ:
  1.      นำเห็ดบดมาล้างทำความสะอาดตัดเอาขาเห็ดออกเพราะมีความเหนียวมาก ให้เหลือแต่ส่วนของดอกเห็ด
  2. จากนั้นนำไปต้มในน้ำรวมกับ ถั่วฝักยาว ผั่วพลู มะเขือเปราะจนเปื่อย
  3. นำเอาปลาช่อนมาขอดเกล็ดเอาไส้ออก นำไปต้มกับน้ำเปล่าใส่น้ำปลาร้าจนเนื้อปลาเปื่อยแกะเอาแต่เนื้อปลาพักไว้
  4. พริกสด หอมแดงและกระเทียมนำไปเผาไฟหรือคั่วในกระทะจนไหม้หอมแล้วแกะเอาส่วนที่ไหม้ทิ้งไปเตรียมไว้
  5. นำเอาเห็ดบดที่ต้มเปื่อยดีแล้วมาสับบนเขียงให้ละเอียด ถั่วพลูและถั่วฝักยาวก็นำมาซอยละเอียดเตรียมไว้เช่นกัน
  6. ต้นหอม ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักแพว นำทุกอย่างมาซอยละเอียดเตรียมไว้ งาขาวก็ให้นำมาคั่วให้เหลืองหอมเตรียมไว้เช่นกัน
  7. จากนั้นนำพริกหอมกระเทียมที่เผาไฟหรือคั่วไว้แล้วมาตำในครกให้ละเอียด ตามด้วยเนื้อปลาที่แกะไว้ตำผสมรวมลงไป ใส่มะเขือต้มลงไปตำต่อให้แหลก ถั่วพลูถั่วผักยาวก็ตามลงไปตำให้ละเอียดเช่นกัน
  8. จากนั้นใส่เห็ดบดที่สับละเอียดไว้ลงไปตำด้วย ใส่งาคั่วลงไปตำอีก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำปลาร้า ข้าวคั่วและพริกป่น ใส่ผักทุกชนิดที่เราซอยเตรียมไว้ลงไปตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสแล้วชิมก็เป็นอันเสร็จ

 

 

42.ลาบวุ้นเส้นหมูสับ

    ลาบวุ้นเส้นหมูสับ เมนูที่ไม่ควรพลาดอีกหนึ่งเมนูคือ ลาบวุ้นเส้นหมูสับ จากลาบหมูธรรมดา ๆ เพิ่มวุ้นเส้นเข้าไปทำให้ได้เมนูใหม่ที่น่ารับประทาน จะทานเป็นอาหารจานหลักหรือจะทานคู่กับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวก็ย่อมได้
ส่วนประกอบ
  • วุ้นเส้นแช่น้ำหั่นท่อนสั่น 1 ถ้วยตวง
  • หมูบด ½ ถ้วยตวง
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 3 หัว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ต้มหอมซอย 2 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีฝรั่งซอย 1 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบสะระแหน่สำหรับโรยหน้าตามชอบประมาณ ¼ ถ้วยตวง
  • ผักสด เช่นแตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ใบโหระพาตามชอบ โดยประมาณ
วิธีทำ
1.ตั้งหม้อสำหรับรวนบนไฟปานกลาง ใส่หมูสับลงไป เติมน้ำเปล่า แล้วรวนหมูจนสุก พักไว้
2.ต้มน้ำให้เดือดในหม้ออีกใบ ใส่วุ้นเส้นลงไปลวกจนสุก ตักออกมาใส่รวมกับหมูที่รวนไว้ ใส่น้ำเปล่าร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
3.ปรุงรสชาติด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอม และผักชีฝรั่ง ผสมให้เข้ากัน
4.ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่พร้อมเสิร์ฟ ควรรับประทานคู่กันกับผักสด

หมายเหตุ ความเผ็ดขึ้นอยู่กับพริกป่น บางครั้งพริกป่นอาจเผ็ดมากให้แบ่งใส่ครึ่งหนึ่งแล้วชิมรสดูก่อน


ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-604-1-3.html

41.แกงขี้เหล็ก
     แกงขี้เหล็กสูตรแซบนัวอีสานล้านเปอร์เซ็นเด้อพี่น้อง สูตรนี้ต้มน้ำเดียวแล้วล้างน้ำเปล่าอีกน้ำก็พอ เพราะมักกินขมจั้กหน่อยน้อจ้ากับบ่ค่อยมักต้มแบบเละๆ มักเป็นใบๆ (แบบหวานเป็นลม ขมเป็นยา)ใส่เนื้อหมูติดหนังกับหนังหมูแห้งอบกรอบ แซ่บหลายจ้า

เครื่องปรุงและส่วนผสม


 
  • ผักขี้เหล็ก
  • น้ำใบย่านาง
  • หนังหมูอบกรอบ 1/2 ถ้วย
  • ผักชะอม 1 ถ้วย
  • ใบแมงลัก 1 ถ้วย
  • ผักชีลาว 1 ถ้วย
  • ต้นหอมหั่นเป็นท่อน 1 ถ้วย
  • น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข่า 2 แว่น
  • ตะไคร้ 1 ต้น
  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด
  • พริกขี้หนูสด 4 เม็ด
  • หอมแดง 2 หัว
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • เนื้อหมูติดหนังและหนังหมูอบกรอบ
วิธีทำ
         ต้มผักขี้เหล็กในหม้อ 1น้ำจนคลายรสขม ถ้าไม่ชอบขมก็ต้ม 2 น้ำจ้า นำไปแช่ในน้ำเย็นแล้วปั้นเป็นก้อนๆบีบน้ำออกให้หมด เอื้อยมักแบบบ่เละจ้า ตำพริกแกงด้วยข่า ตะไคร้ พริกแห้ง หอมแดง ใส่เกลือเล็กน้อย ตั้งหม้อต้มน้ำใบย่านางใส่พริกแกง และตะไคร้หั่นเป็นท่อนๆ ใส่ผักขี้เหล็กและเนื้อหมูต้มในหม้อจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำปลาร้า ใส่ผักชะอม ผักชีลาว ลงก่อน ตามด้วยใบแมงลัก ต้นหอม พริกลูกโดด ใส่หนังหมูกรอบลงท้ายสุด ปิดฝาหม้อ ปิดไฟ เสร็จแล้วจ้าแกงขี้เหล็กอีสานบ้านเฮา

ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-432-1-3.html

 



 

40.น้ำพริกอ่อง
ส่วนผสม
• พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำให้นุ่ม 5 เม็ด
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• ข่าแก่หั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• แผ่นถั่วเน่าปิ้ง ½ แผ่น
• หอมแดงสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
• กะปิ 1 ช้อนชา
• กระเทียมไทย 5 กลีบ
• เนื้อหมูติดมัน 100 กรัม
• มะเขือเทศสีดาหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
• กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำ ½ ถ้วย
• น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ
• ใบผักชีสำหรับโรย
• แคบหมูสำหรับกินแนม
• ผักสด เช่น แตงกวา ผักชีลาว มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว 

ขั้นตอน
1. โขลกพริกแห้ง เกลือ ข่า และถั่วเน่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระเทียม และกะปิ ลงโขลกต่อเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่หมูสับ โขลกพอเข้ากัน ตามด้วยมะเขือเทศ โขลกเบาๆให้เข้ากัน
2. เจียวกระเทียมสับกับน้ำมันในกระทะด้วยไฟกลางจนเหลืองหอม ลดเป็นไฟอ่อน ใส่เครื่องที่โขลกลงผัดจนมีกลิ่นหอม และมีมันสีแดง ใส่น้ำ ผัดต่อไปจนน้ำงวดและข้น ปรุงรสด้วยน้ำตาล ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี รับประทานกับแคบหมูและผักสด

ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-339-1-4.html
 
 39.หมกปลาดุกหรือห่อหมก

    หมกปลาดุกหรือห่อหมก มีอยู่ทุกภาคของบ้านเรา แต่หมกปลาของอีสานทำง่าย รวดเร็ว และไม่ใส่กะทิ และต้องคงเอกลักษณ์ของอาหารอีสาน คือ ต้องมีกลิ่นปลาร้าปรุงรส

ส่วนผสม

  •       ปลาดุกหั่นชิ้น 1/2 กิโลกรัม
  •       พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
  •       ตะไคร้หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
  •       น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
  •       ใบแมงลัก 1/2 ถ้วยตวง
  •       ต้นหอมหั่น 1/2 ถ้วยตวง
  •       ผักชีลาวหั่น 1/2 ถ้วยตวง
  •       น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
  •       ข้าวเบือ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

     1) โขลกพริกขี้หนู ตะไคร้ให้ละเอียด นำไปเคล้ากับปลาดุก ใบแมงลัก ต้นหอม ผักชีลาว น้ำปลา น้ำปลาร้า และข้าวเบือให้เข้ากัน
     2) ตักส่วนผสมใส่ใบตองพอประมาณ ห่อให้เป็นทรงสามเหลี่ยม นำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางจนสุกหรือประมาณครึ่งชั่วโมง เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว

เคล็ดลับน่ารู้ นึ่งปลาไม่ให้คาว การนึ่งหมกปลาต้องต้มน้ำจนเดือดก่อนแล้วค่อยใส่หมกปลาเข่าไป


ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-737-1-2.html

  
 
38.น้ำพริกหมูโคราช

   น้ำพริกหมูโคราช ชื่อเสียงก็บอกว่าชัดเจนแล้วว่าเป็นน้ำพริกของเมืองโคราชหรือจังหวัดนครราชสีมา เมืองย่าโมนี่เอง “น้ำพริกหมูโคราช” เป็นอาหารพื้นเมืองที่เก่าแก่มาช้านานแล้ว ชาวบ้านช่าวเมืองโคราชปรุงเป็นอาหารรับประทานกันมานาน จนเดี๋ยวนี้เกือบจะสูญหายไป เพราะไม่มีใครู้จักกันมากนัก
“น้ำพริกหมูโคราช” ปรุงไม่ยากอะไรหรอกใครๆก็ทำรับประทานเองได้ มีหมูเป็นหลักกับเครื่องปรุงอีกไม่กี่อย่าง ความอร่อยก็นับว่าแปลกไปอีกรสหนึ่ง

มีเครื่องปรุงอะไรบ้าง วิธีการปรุงทำกันอย่างไร

เครื่องปรุง
เนื้อหมูไม่ติดมัน สับละเอียดหรือบด 1 กก.
หอมแดง 15 หัว
กระเทียมแกะเปลือก 3 หัว
พริกขี้หนูคั่วป่น 5 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 10 ราก
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาดี 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช

วิธีปรุง
1.เอาเนื้อหมูมาล้างให้สะอาด สับละเอียดหรือจะบดก็ได้ เอาครกหินมาโขลกกระเทียม หอมแดง รากผักชีให้ละเอียด
2.ต่อจากนั้นเอาหมูสับหรือบดใส่เข้าไปในครกโขลกเบาๆ หรือ เอาสากคลุกเคล้าเนื้อหมูให้เข้ากับเครื่องปรุงที่โขลกเอาไว้ละเอียดแล้ว เอาพริกขี้หนูคั่วป่นใส่ลงไปคลุกเคล้าต่อไปอีก 

3.ต่อมาเอากระทะตั้งบนเตาไฟ ใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชไปสัก 3 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันร้อนก็เอาเนื้อหมูสับที่คลุกเคล้าเครื่องปรุงแล้วในครกใส่ลงไปในกระทะ ทำการผัดหมูนี้จนสุกทั่วถึงกันดี
4.ปรุงรสชาติด้วยน้ำปลาดีแล้วก็น้ำตาลปี๊บตามสูตรที่กำหนดเอาไว้ ผัดเคล้าเนื้อไปอีกจนหอม ลองชิมรสดูว่าได้ที่แล้วหรือยัง อ่อนเค็มก็เติมน้ำปลาดีลงไป ไม่หวานก็เติมนำตาลปี๊บได้อีกตามใจชอบ พอได้ที่ก็เป็นอันว่าเสร็จการปรุง “น้ำพริกหมูโคราช” แล้ว


ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-812-1-2.html
 

37.อ่อมปลานิล

ส่วนผสม
  • ปลานิล
  • หอมแดง
  • กระเทียม
  • ตะไคร้
  • ข่า
  • พริกสด
  • เกลือ
  • ผักขะแยง
  • ต้นหอม
  • น้ำปลาร้า
  • ผงชูรส
วิธีทำ
1.ล้างทำความสะอาด ปลานิล หั่นเป็นท่อนๆ เตรียมพร้อมรอต้ม  
2.นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ให้เดือดจัด ใส่เครื่องต้มลงไป ใส่เกลือ ลงก่อนอันดับแรก  หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ข่า พริกชี้ฟ้า  รอให้เดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลานิลลงไป (ห้ามคนเด็ดขาด เดี๋ยวจะคาว)
3.รอให้ปลานิลสุกอีกนิด ปรุงรส ด้วย น้ำปลาร้าลงไป และ เกลือ ผงชูรส  รสชาตินัว อร่อย
รอจนปลาสุกดีแล้ว จึงใส่ผักขะแยง และ ต้นหอม หั่นท่อนลงไปตาม เป็นขั้นตอนสุดท้าย ปิดเตายกลงได้เลย ชิมรส ตามใจชอบ ค่ะ อ่อม ปลาใช้ปลาน้ำจืดชนิดอื่นๆ ได้ไม่จำเป็นต้องใช้ปลานิลก้อได้ค่ะ
สูตรนี้อร่อยแซ่บมากๆๆกินกับข้าวสวยร้อนๆ

 
  36.แจ่วแมงแคง
      แจ่วแมงแคง (น้ำพริกแมงแคง) เป็นการนำแมงแคงมาตำเป็นแจ่ว แมงแคงจะมีกลิ่นหอมฉุน  เมื่อนำมาตำแจ่วจะมีกลิ่นหอม กินกับผักลวกกับข้าวเหนียวฮ้อนๆแซบขนาดครับพี่น้อง

ส่วนประกอบ/เครื่องปรุง
1. แมงแคง           10-20  ตัว
2.หอมแดงคั่ว        4-5  หัว
3.พริกสดคั่ว          6-7  เม็ด
4.น้ำปลาร้า
5.ผงชูรส
วิธีทำ
1.เอาแมงแคงล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปคั่วไฟอ่อนๆ ให้พอหอม
2.นำหอมแดงและพริกสดคั่วให้หอม  โดยใส่หอมแดงลงไปก่อน  ถ้าใส่พร้อมกันพริกสดจะไหม้
3.นำส่วนประกอบโขลกรวมกันให้ละเอียด
4.ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ผงชูรส ชอบรสชาติแบบไหนก็ตามใจชอบ 
5.แล้วจัดจาน

ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-980-1-1.html
 35.ลาบเทา
   ลาบเทา เป็นอาหารอีสานที่หากินยากอีกเมนูหนึ่ง   โดยการนำเทา ซึ่งเป็นสาหร่ายน้ำจืด มาปรุงรส เรียกว่า " ลาบเทา " และเป็นอาหารที่นิยมรับประทานของชาวอีสานมาทุกยุคทุกสมัย เมนูลาบเทานี้จะหากินได้ในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่เกิดเทาได้มาก และพบเทาได้มากกว่าในช่วงฤดูอื่น (เดือนพฤศจิกายน - มกราคม)

วัตถุดิบ
1.เทา 2 ถ้วยตวง (200 กรัม)
2.เนื้อหอยลวกสุก
3.ปลาดุก 1 ตัว 
4.ต้นหอม-ผักชี
5.ข้าวคั่ว
6.มะเขือขื่น 3 ลูก
7.มะเขือพวง
8.ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 
9.พริกป่น 
10.น้ำปลา 
11.น้ำปลาร้า 
12.เกลือ 
13.ผงชูรส

วิธีทำ
1.เอาน้ำใส่หมอแล้วตั้งไฟใส่ปลาร้าและเกลือลงไป รอให้น้ำเดือด แล้วค่อยใส่ปลาดุกลงไป ต้มจนเปื่อย
2.นำเทามาล้างน้ำหลายๆครั้ง จนได้เนื้อเทาที่สะอาด สีเขียวมรกต
3.ต้มน้ำให้เดือด แล้วนำเทามาลวก  แล้วเทน้ำทิ้ง  ลวกใหม่อีกครั้ง  ทำประมาณ 3 ครั้ง  เพื่อฆ่าพยาธิ
4.นำปลาแกะเอาแต่เเนื้อแล้วตำให้เนื้อละเอียด แล้วนำเทาใส่หอย ลงไป แล้วเทเครื่องปรุงทั้งหมดใส่ เช่น ข้าวคั่ว  พริกป่น  ต้นหอม ผักชี ถั่วฝักยาว ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผงชูรส ชิมรสตามชอบ แล้วจัดจานให้สวยงาม

มาดูวิธีการทำกันเลย



ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-884-1-1.html
http://websanom.blogspot.com/2011/11/blog-post_22.html
https://www.youtube.com/watch?v=W98Q4H0DrPM
                         34.ก้อยกุ้ง สูตรพื้นบ้านอีสาน

 

   ก้อยเป็นอาหารชนิดหนึ่งของคนภาคอีสาน ปรุงจากเนื้อสดดิบที่คั้นด้วยน้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก จนเนื้อเปลี่ยนสีแล้วปรุงรส เนื้อสัตว์ที่นิยมนำมาปรุงเป็นก้อย ได้แก่ เนื้อวัว ไก่ ปลา และ กุ้ง สำหรับก้อยกุ้ง สูตรคนอีสาน มีส่วนผสมและวิธีการทำดังนี้
ส่วนผสม ก้อยกุ้ง
1. กุ้งฝอย 
2. มะกอกป่าสุก /มะนาว/มะขามเปียก
3. ต้นหอมซอย 
4. ผักชีฝรั่งหั่น
5. พริกป่น /พริกขี้หนู 
6. สะระแหน่หั่น 
7. น้ำปลา /ปลาร้า 
8. ข้าวคั่ว 
9. ผักชีหั่นฝอย 
10. หอมแดงซอย
วิธีการเตรียมและปรุงก้อยกุ้ง
1. ล้างกุ้งฝอยให้สะอาด เลือกกุ้งที่ไม่ตายใส่ไว้ในถ้วยหรือภาชนะที่มีฝาปิด
2. ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง บีบมะกอก หรือมะนาว พริกป่น หากเป็นพริกขี้หนูสด จะซอยหรือโขลกหยาบ/บุบพอแหลก หอมแดงซอย ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่งหั่น ต้นหอม ซอย ใบสะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ปรุงรสตามใจชอบด้วย น้ำปลา น้ำปลาร้า
มาดูวิธีการทำกันเลย


ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-816-1-1.html
https://www.youtube.com/watch?v=9Wxe_QrZnfE
33.แกงไก่ใส่ฟัก
 
    แกงไก่ใส่ฟักสูตรอีสาน ถ้าขึ้นชื่อว่าแกงอีสานแล้ว ที่ขาดบ่ได้นั้นกะคือ ปลาร้า ครับ ถ้าขาดปลาร้าแล้ว กะคงสิบ่แม่นแกงแบบอีสาน และจะทำให้ขาดรสชาตินัวไปเลยครับ
ส่วนผสม

  • พริกขี้หนู 10 เม็ด
  • ตะไคร้ 2 ต้น
  • เกลือ 
  • ไก่สับท่อน 1/2 กิโลกรัม
  • ฟักหั่น 1/2 กิโลกรัม
  • น้ำ 
  • น้ำปลา 
  • น้ำปลาร้า 
  • ใบแมงลักเด็ด 1 กำมือ
  • ต้นหอมหั่น 1 กำมือ
วิธีทำ
  • นำพริกและหั่นตะไคร้ใส่ครก แล้วตำให้ละเอียด
  • ตักเครื่องแกงที่ตำและเกลือใส่ลงไปในหม้อ แล้วเอาน้ำใส่ อย่าใส่เยอะใส่พอท่วมเครื่องแกง แล้วยกหม้อตั้งไฟ รอน้ำเดือด  ใส่ไก่ลงไปคั่วจนไก่จนไก่เกือบสุก
  • แล้วเติมน้ำเพิ่มให้พอท่วมไก่ รอให้น้ำเดือด ใส่ฟักต้มจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ชิมรสเค็มนำ ยกลงจากเตา
  • ใส่ใบแมงลัก ต้นหอม คนให้เข้ากัน เสิร์ฟขณะร้อนจัด
มาดูวิธีการทำกันเลย

32.ต้มงูสิง

 
          ต้มงูสิง เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวอีสาน งูสิมักจะอยู่ตามไร่ ตามสวน หรือบางครั้งเข้าไปหากินหนูในบ้านผู้คน หรือบางครั้งอาจจะขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ งั้นเราไปดูขั้นตอนการทำต้มงูสิงกัน
วัตถุดิบ
  • งูสิง1ตัว
  • ข่า
  • ตะไคร้
  • ใบมะกรูด
  • ใบมะขามอ่อน
  • พริกสด
  • เกลือ
  • ผงชูรส
  • น้ำปลา
ขั้นตอนการทำ ต้มงูสิง
1. ต้องหาจับวัตถุดิบหลักเราให้ได้ก่อน นั่นคือ งูสิง
2. การทำงูก็จะใช้ค้อนทุบหัวให้ตาย แล้วเอามาลนไฟขูดเอาเกล็ดงูออกให้เกลี้ยง แล้วผ่าท้องเอาเครื่องในออกให้หมด แล้วสับเป็นท่อนๆ
3. จากนั้นก็ต้มน้ำให้เดือดใส่ใบมะขาม เกลือ ลงไป ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงไปดับกลิ่น (ข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด, พริกสดตำ)
4. นำงูที่สับไว้ลงไปต้ม รอให้งูเปื่อย  แล้วปรุงรสตามใจชอบ
5. เอามากินคู่กับเหล้าขาว โอโห อร่อยลืมเลยแหละ


  •      งู เป็นสัตว์ที่คนส่วนใหญ่ กลัว เพราะด้วยรูปร่างของมัน ความดุร้าย แถมพิษที่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่หลายคนไม่ทราบว่า งูสิง เป็นงูที่ไม่มีพิษ
มาดูวิธีการทำกันเลย


31.ปลาดุกต้มปลาร้า
 
  
วัตถุดิบ
1.ปลาดุกหั่นท่อนหรือเป็นตัวก็ได้
2.ปลาร้านัวส์ๆแซบๆ 
3.พริกสด หอมแดง ต้นหอม
4.ตะไคร้ ใบมะกรูด
5.น้ำสะอาด
6.เกลือ น้ำปลา
วิธีทำ
1.ต้มปลาร้ากับน้ำแล้วกรองเอาก้างทิ้ง
2.ปลาดุกล้างให้สะอาดๆใช้เกลือขยำๆกับปลาให้หมดกลิ่นคาว ล้างให้สะอาด
3.น้ำปลาร้าที่กรองแล้วขึ้นตั้งไฟให้เดือด ทุบตะไคร้ใส่ หอมแดง ใบมะกรูด พริกสด รอเดือดจัดๆใส่ปลาดุกห้ามคนปลาจะคาว ปิดฝาไว้จนสุก
4.ตักทุกอย่างใส่ถ้วยโรยพริกป่น  โรยใบหอมซอย คลุกทุกอย่างให้เข้ากัน กินกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยได้
มาดูวิธีการทำกันเลย


ที่มา:https://www.esanbanhao.com/thread-979-1-1.html
https://www.youtube.com/watch?v=o_kSYvqAR30

        45.น้ำพริกแมงดา       มาทำความรู้จักกับสัตว์ที่มีชื่อว่า ” แมงดา ”  แมงดาที่คนนิยมนำมาทำอาหาร คือ แมงดานา เป็นสัตว์ที่มีกลิ...